วันพฤหัสบดีที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2555

คิดแบบนักบริหาร

ฐานความคิดผู้นำกิจกรรมนิสิตก่อนก้าวสู่การบริหารจัดการ 1. พัฒนาความมั่นใจในตนเอง
 - ซึ่งต้องมีอยู่ทั้งในใจผู้นำและแสดงออกทางกริยาภายนอกให้ผู้คนได้เห็น
 2. พยายามควบคุมทัศนคติของตนเองให้ได้
 - การควบคุมทัศนคติของตนเอง คือ การเลือกแนวคิดที่เหมาะสมกับสถานการณ์
 - หากควบคุมท่าทีและทัศนคติของตนเองได้ ก็เท่ากับควบคุมคนอื่นได้เช่นกัน แต่หากไม่สามารถควบคุมทัศนคติของตนเองได้ ผู้อื่นก็จะเข้ามาควบคุมให้
 - ท่าทีในการควบคุมทัศนคติ เช่น เตือนตนเองอยู่เสมอว่าจะต้องควบคุมตนเองรับรู้และควบคุมทิศทางของตนเองอยู่ตลอดเวลา
 3. พร้อมจะมุ่งมั่น ไม่ย่อท้อ
 ลักษณะที่จำเป็นสำหรับนักบริหารที่จะประสบความสำเร็จ ต้องมีรากฐานความคิดของ "ความอดทน" "ความเพียรพยายาม" ความสามารถที่จะยืนหยัดได้ด้วยตนเอง" หรือ"ความตั้งใจจริงที่จะกระทำ"
 4. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาตนเองอย่างไม่หยุดยั้ง
 - หาอาหารสมองเพื่อเติมให้แก่ตนเองโดยตลอด
 - เรียนรู้จากประสบการณ์ของคนอื่น
 - เลียนแบบผู้นำที่มีความสามารถ
 5. มุ่งมั่นที่จะพัฒนาสร้างสรรค์
 * จุดสำคัญที่นักบริหารต้องมี คือ มีความคิดเห็นที่ริเริ่มสร้างสรรค์ เพราะมีโอกาสมากกว่าใครๆที่จะกระทำและคิดด้วยจินตนาการ
 * การมีความคิดสร้างสรรค์ มิได้มุ่งเน้นเพียงการฝันถึงประเด็นใหม่ๆ เท่านั้น
 แต่ยังหมายถึง การใช้วิธีการที่แตกต่างออกไปในการเสนอความคิดเห็นของตนเอง การจัดการกับปัญหาเก่า ๆ ด้วยวิธีใหม่
 * ผู้นำสามารถสร้างความคิดสร้างสรรค์โดย เริ่มต้นจากการมีทัศนคติเชิงบวก สนับสนุนผู้อื่นให้พยายามพัฒนาความคิด อย่างไม่ท้อถอย
 ความคิดที่อันตรายที่สุดสำหรับนักบริหาร คือ ความวิตกกังวล
 เพราะฉะนั้น นักบริหารต้อง "สนุกกับการแก้ปัญหา" มากกว่า "กังวลกับปัญหา"
 - นักบริหารที่มีประสิทธิภาพ จะไม่เคยคิดพอใจ ไมว่าสิ่งต่าง ๆ จะดำเนินไปอย่างดีเพียงใดก็ตาม ต้องคิดว่าทุกสิ่งจะต้องเปลี่ยนแปลง คนที่มีความคิดริเริ่มจะไม่กลัวการเปลี่ยนแปลง แต่จะมองหาหนทางการเปลี่ยนแปลง เพราะรู้ว่าเป็นการนำมาวึ่งความก้าวหน้าและรุ่งโรจน์
" ยิ่งคุณก้าวขึ้นสูงเพียงไร ก้าวย่างของคุณจะยิ่งเป็นอันตรายมากขึ้นเท่านั้น จึงควรจะต้องก้าวให้ช้าลง และคิดให้รอบคอบ"
 มุมมองต่อสภาพแวดล้อมในปัจจุบันและอนาคต
 * อดีตที่ผ่านมา ความแน่นอนมีสูง การเปลี่ยนแปลงค่อนช้างช้า การเดินตามอดีตที่เคยเป็นมา สามารถจะทำได้และไม่ก่อให้เกิดความเสียหายมากนัก
* แต่จากวันนี้เป็นต้นไป เรากำลังอยู่ในโลกแห่งความไม่แน่นอน และโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงซึ่งจะมีอัตราเร่งที่รวดเร็วและมีอยู่ตลอดเวลา นำไปสู่การเกิดสภาพแวดล้อมที่ผันผวน มี
 ความแตกต่างจากอดีตโดยสิ้นเชิง
 * ถนนสู่อนาคตต่อจากนี้ไป ไม่รู้ว่าสภาพถนนจะเป็นอย่างไร เดาได้ยาก เพราะฉะนั้นรถที่จะต้องใช้ จะต้องมีความคล่องตัว และปรับเปลี่ยนได้ในทุกสภาพถนน
 * เพราะฉะนั้น องค์กรกิจกรรมนิสิตจะต้องรู้จัก ติดตามความเปลี่ยนแปลงอย่างใกล้ชิด
พัฒนามุมมองแบบนักบริหาร
 - ผู้นำกิจกรรมนิสิตต้องตระหนักว่า "อนาคตแตกต่างจากอดีต"
 โอกาสที่จะกลับไปสู่สภาพเดิมเป็นไปได้ยาก ดังนั้นในหลายเรื่อง เราอาจต้องเลิกเรียนรู้ตัวแบบเก่า กระบวนทัศน์เก่า กลยุทธ์เก่า สมมุติฐานเก่า ตำรับความสำเร็จเก่า ๆ
 - ยุคใหม่ต้องการองค์กรแบบใหม่ ต้องการวิธีการบริหารจัดการแบบใหม่ เพื่อให้พร้อมรับมือกับสภาพการณ์ที่ "ไม่แน่นอน" และให้สอดคล้องกับ "โลกยุคข้อมูลข่าวสาร"
 - ผู้นำจึงต้องคิดว่า "เราจะไปไหนกันต่อไป" เราจำเป็นต้องมองไปข้างหน้า สแกนทัศนียภาพ เฝ้ามองการแข่งขัน วางแนวโน้มและโอกาสใหม่ ๆ กำหนดวิสัยทัศน์ มุมมอง เป้าหมายเกี่ยวกับอนาคตที่ชัดเจน ต้องสร้างความคิดของตนเองเกี่ยวกับทิศทางที่ควรจะไป และวางแนวทางในอนาคตสำหรับองค์กรของตนเอง
 - เช่นนั้น บทบาทของผู้นำกิจกรรมนิสิต จึงต้อง
 * ต้องบริหารโดยมุ่งเน้นเป้าหมายมากขึ้น ท่ามกลางสภาพการณ์ที่ไม่แน่นอน
 * ต้องสามารถสร้างทีมงานได้ ซึ่งแต่ละคนในกลุ่มต้องสามารถจัดการงานของตนเองได้
 * ต้องสื่อสารส่งผ่านข้อมูลได้รวดเร็วและชัดเจน
 * ต้องสามารถทำงานร่วมกันกับผู้อื่นในทีมได้

* ต้องมองเห็นภาพรวมในภารกิจขององค์กร
 * ต้องสร้างวัฒนธรรมการทำงานในองค์กร (Corporate Culture) เพื่อสนับสนุน

ลักษณะการคิดแบบนักบริหาร : คิดกว้าง มองใกล ใฝ่สูง มุ่งความสำเร็จ
 คิดกว้าง
 * คิดอย่างผู้ประกอบการ
 * คิดใหญ่ ไม่คิดเล็ก
 * คิดหลายมิติ
 * ไม่ยึดติดกรอบความคิดเก่า
 มองใกล
 * จินตนาการภาพอนาคตขององค์กร
 * พยากรณ์สภาพแวดล้อมในอนาคต เพื่อพิจารณาโอกาสและความเสี่ยง
 ใฝ่สูง
 * คิดพัฒนาสร้างสรรค์ เพื่อสร้างวันนี้ให้ดีกว่าวันวาน
 * คิดสร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคม
 * ตั้งมาตรฐานการดำเนินงานไว้สูง
 มุ่งความสำเร็จ
 * ยึดมั่นในวิสัยทัศน์ที่กำหนด
 * มุ่งมั่น เอาจริงเอาจัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ได้วางไว้

รูปแบบและวิธีการคิดแบบนักบริหาร
 1. คิดเชิงบวก คือ วิธีคิดที่มีลักษณะดังต่อไปนี้
 * มีทัศนคติสามารถมองเห็นความเป็นไปได้ (Can-do attitude)
* มองปัญหาให้เป็นโอกาส
 * ทำความยากลำบากให้เป็นบันไดของความสำเร็จ
 2. คิดมองภาพรวมการดำเนินงาน มากกว่าคิดมองแบบแยกส่วน
 * มองเห็นภาพรวมการดำเนินงานตลอดทั้งปี
 * มองเห็นแนวทางการขับเคลื่อนของโครงการตั้งแต่ต้นจนจบ
 * ไม่มองเรื่องยิบย่อย แต่มองภาพความเชื่อมโยงและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น ในภาพรวม
 3. คิดแบบทวิลักษณ์
* คิดมองเรื่องใดเรื่องหนึ่งในหลาย ๆ มิติ มองทั้งในแง่บวกและแง่ลบ ไม่มองมุมเดียว โดยเฉพาะในเรื่องที่ต้องแก้ปัญหาและตัดสินใจ
 4. คิดเชิงกลยุทธ์ ด้วยการตอบคำถามว่า
 Where are we now ?
 What do we want to be ?
 How do we get there ?
 How do we measure progress ?
 6. คิดอย่างมีวิสัยทัศน์ คือ
 * คิดให้ไกล ไปให้ถึง คำนึงถึงความเป็นไปได้ (มองเห็นวิธีการและความเป็นไปได้ในเป้าหมายที่ได้กำหนดไว้)
 7. คิดบนฐานข้อมูลเชิงวิเคราะห์ มากกว่าใช้สามัญสำนึก (Common Sense)
 * คิดเรื่องอะไรต้องใช้ฐานข้อมูลในเรื่องนั้น ๆ ประกอบการคิด (ไม่คิดคาดเดาเอาเอง)
 8. คิดแบบ End Mean คือ กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนก่อนพิจารณาวิธีการ
 9. มีความเชื่อว่าหลายหัวดีกว่าหัวเดียว (สร้างการมีส่วนร่วม) รู้จักระดมความคิดที่หลากหลายเพื่อวิเคราะห์ปัญหาร่วมกัน เอาประเด็นการมองทั้งหมดมาดูร่วมกัน สร้างบรรยากาศร่วมกันคิด ร่วมกันทำ สร้างการมองประเด็นปัญหาให้ตรงกัน นำไปสู่การแก้ปัญหาที่มีประสิทธิภาพ
 10. รู้จักใช้ความคิดนอกกรอบ (Think out of the box) ให้หลุดพ้นจากกรอบความคิดเดิม กระบวนทัศน์เดิม
 11. รู้จักกำหนดเป้าหมายความสำเร็จของผลงาน เพื่อปักธงความสำเร็จที่เราต้องผลักดันไปให้ถึง เน้นการทำงานให้ได้ผล มีประสิทธิภาพ และประหยัดสุด

แหล่งที่มา::http://www.novabizz.com/NovaAce/Intelligence/Manage_Think.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น