วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2555

ศรัทธาความสำเร็จของผู้นำ

ในหลายวิกฤตการณ์ที่มีความยากยิ่งในการที่จะนำพาองค์กรหรือสถาบัน   ให้ผ่านพ้นสถานการณ์คับขัน หรือการสร้างความสำเร็จให้แก่องค์กร     หรือสถาบันนั้นได้ในวิกฤตการณ์และข้อจำกัดอย่างมากมายนั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นให้เราได้พบเห็นอยู่บ่อยครั้ง     และบางครั้งหลายคนไม่อยากเชื่อว่าเป็นความจริง และเรียกปรากฏการณ์นั้นว่า "ปาฏิหารย์" แต่แท้ที่จริงแล้ว สิ่งที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จนั้นมากกว่าครึ่ง  เป็นผลมาจากผู้นำยิ่งภาวะวิกฤต ที่ยุ่งยากเท่าใด     จำนวนคนหรือองค์กรหรือหมู่คณะนั้นมากมายมหาศาลเท่าใดยิ่งต้องอาศัยศักยภาพของผู้นำที่สูงสุด จนนำมาสู่คำกล่าวที่ว่า    "สถานการณ์สร้างวีระบุรุษ"
 ผู้นำที่จะเป็นวีระบุรุษหรือผู้นำแห่งความสำเร็จในวิกฤตการณ์หรือสถานการณ์ใด จะไม่ประสบความสำเร็จได้เลย     หากปราศจากความศรัทธาของบุคลากรภายใต้การนำ   ฉะนั้นศรัทธาของผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ร่วมงานของนักบริหารจัดการทั้งหลาย      จึงเป็นตัวบ่งชี้ความสำเร็จผู้นำนั้นได้เป็นอย่างดี
"ฝูงสัตว์ต้องต้อน" เราคงเห็นภาพโคบาลที่คอยต้อนฝูงวัว ฝูงม้า   ชาวปศุสัตว์ที่คอยไล่ต้อนฝูงแพะแกะ "ฝูงคนต้องนำ" ในความเป็นคนนั้นมีศักดิ์ศรีไม่มีใครยอมให้ใครต้อน     มีแต่ความศรัทธาต่อผู้นำเท่านั้นจึงยินยอมเดินตาม      "ศรัทธา" จึงเป็นสิ่งยอดปรารถนาที่ผู้นำ ผู้บริหาร ผู้บังคับบัญชา ผู้จัดการหรือชื่ออื่นๆ ตามแต่จะเรียกขาน       มุ่งหวังและพยายามที่จะทำให้เกิดขึ้นต้องการและปรารถนาให้ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือลูกทีมเพื่อนร่วมงานตลอดจนคนทั่วไป เกิดความศรัทธาต่อตน
ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินกว่าที่จะทำได้
           ศรัทธาพจนานุกรมให้ความหมายว่าความเชื่อ ความเลื่อมใส       แต่ในหลักแห่งภาวะผู้นำนั้น ศรัทธา คือ ความเชื่อที่ผู้อยู่ใต้การนำมอบให้แก่ผู้นำ     พร้อมที่จะให้ความร่วมมือและปฏิบัติตามคำสั่งหรือการชี้นำของผู้นำ      บางครั้งกระทำได้แม้สละชีวิต เช่น นักบินกามิกาเช่     ยอมตายเพื่อกองทัพญี่ปุ่น     หรือนักเลงกำลังภายในที่กล่าวว่า " นักสู้ยอมตายเพื่อผู้รู้ใจ"
 ความศรัทธาที่ผู้นำจะได้มานั้นจะเกิดขึ้นได้จากความเชื่อของผู้อยู่ใต้การนำมอบให้ผู้นำอยู่ 4 ประการ คือ
                "ความเชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ และเชื่อใจ"
                ความเชื่อทั้ง 4 ประการนี้ ผู้นำทุกคนสามารถสร้างขึ้นมา  เพื่อเพิ่มศักยภาพแห่งภาวะผู้นำของตนเองได้
                เชื่อมั่น คือ      การสร้างความมั่นใจให้เกิดแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาหรือผู้ตาม ให้เกิดความมั่นใจได้ว่า เราสามารถจะเป็นผู้นำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จได้ เปรียบเสมือนถ้าเราเป็นกัปตัน ก็เป็นที่มั่นใจแก่ลูกเรือว่าเราจะนำเรือลำนี้ตลอดรอดฝั่ง และกลับสู่แผ่นดินถิ่นฐานได้อย่างปลอดภัย
                ความเชื่อมั่นจะเกิดจากเกียรติประวัติของผู้นำ ชื่อเสียง    เกียรติ ภูมิ ภูมิรู้ ภูมิปัญญา อันบ่งบอกถึงความณรู้แจ้ง รู้ตริง และมีความมั่นคงในฐานะ           โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คือความมั่นคงในอารมณ์    หรือที่เรียกว่าวุฒิภาวะทางอารมณ์และการควบคุมอารมณ์ของผู้นำนั่นเองและบุคลิกภาพของผู้นำ ก็เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ใต้บังคับบัญชา หรือผู้ร่วมงานหรือบุคคลทั่วไปได้ด้วย
                เชื่อมือ หมายถึง นอกจากภูมิรู้ ภูมิปัญญาแล้ว        ผู้นำยังแสดงฝีมือให้ปรากฏด้วย
ประสบการณ์และความสำเร็จจากที่อื่น        ของผู้นำยังไม่มีค่าเทียบเท่าพอกับสิ่งที่ได้ทำลงมือทำให้
ผู้ร่วมงาน หรือผู้ใต้บังคับบัญชาได้ประจักษ์ชัดด้วยสายตาว่าผู้นำเป็นผู้ที่มีฝีมือจริง สมดังคำเล่าลือ
แค่นี้ก็เป็นความสำเร็จในการสร้างศรัทธาขั้นที่ 2 แล้ว
                ทำจริงด้วยกล้าหาญ เด็ดเดี่ยวจะสร้างความเชื่อมือได้เป็นอย่างดี
               เชื่อถือ หมายถึง การสร้างความเชื่อถือแก่บุคคลทั่วไป โดยได้รับความเคารพนับถือใน
คุรสมบัติความเป็นผู้นำ ไม่ใช่ด้วยวัยวุฒิหรือชาติวุฒิหรือวุฒิทางการศึกษา แต่เป็ฯความเชื่อถือที่
เกิดจากการรักษาคำพูด พูดแล้วต้องปฏิบัติได้ตามนั้น   พฤติกรรมและคำพูดต้องสอดคล้องเป็นไปในทางเดียวกัน สสัญยาแล้วต้องทำได้จริง และที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ การรักษาเวลา กำหนดนัด
หมาย และการตรงต่อเวลา เป็นการสร้างความเชื่อถือได้เป็นอย่างดี
                บทพิสูจน์ของความเชื่อถือ คือ การได้รับเครดิตพิเศษจากคนอื่นที่คบหาสมาคมด้วย
               เชื่อใจ หมายถึง การไว้วางใจต่อผู้นำ ผู้ใต้บังคับบัญชาไว้ใจผู้บังคับบัญชาว่า   ไม่เป็นผู้ผูกพยาบาทอาฆาตลูกน้อง เป็นผู้รักษาความลับได้ดี ไม่มีจิตริษยา ไม่คิดคดทรยศหักหลัง พฤติกรรมต่อหน้าและลับหลังเป็นเช่นเดียวกัน มีบุคลิกภาพที่โอ่อ่าเปิดเผย มีความสุจริตใจ เป็นที่พึ่งพาอาศัย
ของผู้ใต้บังคับบัญชาได้
                นี่คือสี่เหตุความเชื่อ เชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ เชื่อใจ อันจะนำสู่ผลคือ "ศรัทธา"
   เมื่อได้ครบทั้งสี่ความเชื่อแล้ว นั่นคือ     ความศรัทธาที่จะนำพาผู้ใต้บังคับบัญชา ฝ่าฟันอุปสรรค ขวากหนาม สร้างความสำเร็จให้แก่องค์กรและสถาบันได้โดยไม่ยากเย็น   แม้จะอยู่ในวิกฤตการณ์ที่ยากยิ่งสาหัสเพียงใดก็ตาม แม้จะมีทางออกที่จะพบกับความสำเร็จเพียงริบหรี่แต่ผู้นำที่ได้รับความศรัทธาจะนำพาองค์กรและหมู่คณะทะลุทะลวงไปสู่ความสำเร็จนั้นได้อย่างปาฏิหารย์เสมอ
  "ปาฏิหารย์มีจริงเสมอสำหรับผู้นำที่ได้รับความศรัทธา"
ความสำเร็จที่เกิดได้ในวันนี้
ย่อมอยู่ที่ศรัทธาอันยิ่งใหญ่
เชื่อมั่น เชื่อมือ เชื่อถือ เชื่อใจ
ขอรับไว้ด้วยสำนึกในบุญคุณ

แหล่งที่มา:: http://www.moe.go.th/wijai/achievement%20leadership.htm

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น